แล้วทุกท่านเคยรู้จักกับเทคโนโลยี “ฟิล์ม PPF (Paint Protection Film)” มาก่อนหรือไม่? เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งมาจาก TPU เฉกเช่นเดียวกับความสามารถในการปกป้องสมาร์ทโฟน ฟิล์มดังกล่าวก็ทำหน้าที่ป้องกันรอยให้กับตัวรถเช่นกัน ปัจจุบันถูกนำไปใช้แต่กับรถหรูเท่านั้น แต่คาดว่าจะแพร่หลายไปยังรถยนต์ทั่วไปด้วยเช่นกัน ฟิล์ม PPF นี้ มีข้อดีมากมายที่แว็กซ์และโคตติ้งไม่มี ในลำดับต่อไป จะขออธิบายเกี่ยวกับ ฟิล์ม PPF นี้
ฟิล์ม PPF คืออะไร ?
ฟิล์ม PPF คือคำย่อมาจาก “Paint Protection Film” เป็นฟิล์มชนิดพิเศษที่ถูกคิดค้นมาเพื่อปกป้องส่วนที่เป็นกระจก และตัวรถ เพื่อปกป้องพื้นผิวไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนเวลาล้างรถ หรือหินดีด ฟิล์ม PPF นี้ วัตถุดิบหลักคือ ประกอบด้วย ตัวแผ่นฟิล์ม (อีลาสโตเมอร์ที่หลอมละลายได้) ชั้นกาว และชั้นบนสุด (Top-coat) แต่ละชนิดอาจมีความแตกต่างกันบ้าง โดยปกติแผ่นฟิล์มที่เคลือบรถ จะมีความหนาที่ 150μ
ฟิล์ม PPF มีชนิดที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ (Self-healing Type) กับชนิดที่ทนสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นที่นิยมคือ แบบแรกที่เมื่อเกิดบาดแผลเล็กน้อย เมื่อทิ้งไว้สักพัก ก็จะสามารถซ่อมแซมได้ แบบหลังที่เป็นชนิดที่ทนต่อสภาพภูมิอากาศ ก็เกิดรอยแผลได้ยากถึงแม้จะเกิดรอยหรือแผลใหญ่ก็สามารถเย็บประกบ ซ่อมแซมได้
อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นแล้วว่า ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมสำหรับรถหรูเท่านั้น แต่ด้วยจำนวนโรงงานและช่างที่มีความสามารถด้านนี้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าต่อไปจะมีอุปสงค์สำหรับรถยนต์ทั่วไปเพิ่มมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน PPF
- ตัวรถ (Half-rapped/ Front-rapped)
- กระจกหน้า
- Head light
ที่ผ่านมาเมื่อกล่าวถึงการโค้ตติ้งรถยนต์ มักจะนึกถึงกระจกข้าง หรือด้านหน้าเพื่อป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรือการป้องกันกระจกระเบิดเข้าด้านในเวลาเกิดการกระแทก เป็นต้น แต่ฟิล์ม PPF นี้ ช่วยห่อหุ้มทั้งกันรอย หินดีด รวมไปถึงกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้ด้วย นอกจากนี้การใช้กับเฮดไลท์ ยังช่วยป้องกันสีซีดเหลืองเมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลายาวนานได้ด้วย การใช้แผ้นฟิมพ์เฉพาะบางส่วนของรถยนต์ โดยไม่ใช้ทั้งหมดทั้งตัวรถ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก อย่างไรก็ดี คุณภาพรูปลักษณ์ และความแตกต่างเมื่อเวลาผ่านไปเฉพาะส่วน ก็อาจเป็นข้อเสียที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
ลักษณะพิเศษของ PPF และการใช้งาน
การใช้ฟิล์ม PPF ก็คือการใช้ฟิล์มอีลาสโตเมอร์ห่อหุ้มตัวรถ เพื่อป้องกันรอย และรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต และความสกปรกต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแว็กซ์หรือน้ำยาเคลือบแล้ว มีประสิทธิภาพสูงกว่า นอกจากนี้ เมื่อลอกออก ก็จะทำให้รถกลับมาสภาพเดิมได้ ช่วยให้รักษาสภาพรถให้เหมือนใหม่ เวลานำไปขายต่อก็ได้ราคาดี
นอกจากนี้ รอยแผลต่างที่อาจเกิดจากการล้างรถ การใช้ฟิล์ม PPF เคลือบจะช่วยป้องกันไม่ให้รอยดูสะดุดตา ทำให้รถกลับมาสวยแวววาวอีกครั้ง

ความแตกต่างระหว่าง PPF กับน้ำยาเคลือบ/แว็กซ์
การใช้น้ำยาเคลือบรถหรือแว็กซ์นั้น มีความจำเป็นต้องเข้ารับการบำรุงรักษาเป็นประจำ โดยปกติแล้ว แว็กซ์ต้องทำเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนน้ำยาเคลือบต้องทำการเคลือบใหม่ทุก 2-3 เดือน ในขณะที่แผ่นฟิล์ม PPF นี้มีอายุการใช้งานที่ 2-5 ปี
นอกจากนี้ ทราบหรือไม่ว่า น้ำยาเคลือบและแว็กซ์ เป็นสาเหตุของสิ่งสกปรก และความหม่น ? ตัวน้ำยา/แว็กซ์นี้เอง ที่เล็ดรอดเข้าไปตามรอยแผลจากการล้าง ทำให้รถไม่สามารถสะท้อนแวววาวได้ ในขณะที่ แผ่นเคลือบ PPF นี้ สามารถลอกออกเริ่มทำได้ใหม่ ทำให้สีสวยเรียบเสมอกัน
ข้อดีข้อเสียของ PPF
ข้อดี
- ป้องกันหินดีด
- ป้องกันละอองเกสร และรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต
- เวลาล้างรถไม่ต้องกังวลเรื่องรอย
- ป้องกันกระจกแตกระเบิด
- กันน้ำซึมได้ดี
- มีความมันวาว
ข้อเสีย
- ฟิล์มประเภทเซลฟ์ฮีลลิ่งเกิดรอยน้ำได้ง่าย
- หากจอดไว้ในที่ไม่มีหลังคา รถอาจสีเปลี่ยน ออกเหลืองได้ง่าย
- เวลาที่รถได้รับรอยแผล เมื่อลอกฟิล์มออก สีอาจหลุดติดออกมาด้วย・ราคาแพงกว่าน้ำยาเคลือบและแว็กซ์
หลังจากที่ได้อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียกันมาแล้ว แม้ว่าการดูแลรักษาจะง่ายกว่าการใช้นำยาเคลือบและการแว็กซ์ก็ตาม แต่รอยน้ำ หรืออย่างละอองเกสรดอกไม้ อาจเป็นต้นเหตุของรอยเปื้อนได้ง่าย จำเป็นต้องล้างรถบ่อยครั้ง นอกจากนี้ การใช้เครื่องล้างรถอัตโนมัติ หรือแรงดันสูงอาจทำให้ฟิล์มลอก มีความจำเป็นต้องดูแลอย่างละเอียดอ่อน การดูแลรักษาอยู่เป็นประจำ จะช่วยให้รถที่เคลือยมีความมันวาว ไม่เกิดรอยน้ำ รอยดวง และสามารถรักษาสภาพการใช้งานได้นาน
อายุการใช้งานของ PPF
ในกรณีที่ฟิล์มเกิดรอยแผลใหญ่ ไม่สามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วนได้ ต้องเปลี่ยนทั้งหมด หรือในกรณีที่ไม่มีแผลใหญ่ แต่สีจาง หรือเป็นรอยดวง จนเด่นชัดก็ต้องเปลี่ยน อยู่ที่ 2-5 ปี ฟิล์มประเภทราคาถูก จะเสื่อมสภาพได้ง่าย บางกรณีใช้ไปเพียงครึ่งปีก็สีจาง หรือเปลี่ยนจนเห็นชัดแล้ว เวลาเลือกจำเป็นต้องพิจารณาให้ดี
ครั้งนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับฟิล์ม PPF และวิธีการใช้งานไปแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเรานำมาใช้นั้น ผลิตที่โรงงานของเราที่ญี่ปุ่น เรามั่นใจในวัสดุที่เลือกใช้ และสามารถผลิตแบบ “Order-made” ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้ ฝนกระหน่ำ หรือมลพิษทางอากาศของประเทศไทย ที่เป็นอันตรายต่อรถยนต์ ตลาดฟิล์ม PPF จึงถือว่าเป็น “ตลาดน่านน้ำสีฟ้า (Blue Ocean)” ลูกค้าท่านใดที่กำลังพิจารณาอยากจะหาผลิตภัณฑ์ฟิล์ม PPF เข้ามาจัดจำหน่ายและให้บริการ ลองติดต่อสอบถามทางเรา เรายินดีบริการท่าน