ฟิล์ม PPF ช่วยป้องกันตัวรถและกระจกด้านหน้าได้ และยังผลิตมาเพื่อป้องกันรถที่คุณรักจากรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรก แต่การผลิตส่วนใหญ่ยังใช้เฉพาะกับรถหรูเท่านั้น ในชีวิตจริงเราจึงเห็น “รีวิวการใช้งาน” จากคนใกล้ตัวค่อนข้างน้อย อยากให้ช่วยพิจารณาและทำความรู้จักกับวิธีการดูแลรักษากันให้มากขึ้นกว่านี้ ดังนั้นเราจึงรวบรวมข้อมูลที่ควรรู้มาไว้แล้ว
ในหัวข้อครั้งก่อนเรานำเสนอเกี่ยวกับฟิล์ม PPF ไปแล้ว อาจจะมีหลายท่านที่ให้ความสนใจกับจุดเด่นและลักษณะพิเศษกันไม่มากก็น้อย
แต่ในปัจจุบันยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไร ยังมีน้อยคนที่พูดว่า “เคยได้ยินผลตอบรับของคนที่เคลือบฟิล์ม PPF เพื่อป้องกันรถทั่วทั้งคัน” เราจึงยกตัวอย่าง 3 คำถามเกี่ยวกับ “PPF” ที่ถูกค้นหาข้อมูลบ่อยๆมาตอบกัน
PPFเป็นฟิล์มแบบไหน?
ก่อนอื่นเราขอทบทวนเกี่ยวกับ PPF อีกครั้ง พูดง่ายๆ PPF ก็คือ “ฟิล์มกันรอย” นั้นเอง ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี TPU (ยูรีเทนอีลาสโตเมอร์) โดยทั่วไปมักรู้จักกันว่าใช้งานกับรถยนต์ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่รถยนต์เท่านั้นยังมีการใช้งาน PPF ในการผลิตและป้องกันทุกๆตำแหน่งของรถมอเตอร์ไซด์ด้วย
โครงสร้างของ PPF นั้นเป็นแผ่นที่มีฟิล์มเป็นวัสดุพื้นฐาน (เทอร์โมพลาสติก โพลีพลาสติก) ,ชั้นกาวที่มีความหนืดแน่น และเคลือบชั้นบนที่ซ้อนทับกันความหนาประมาณ 150μ ถ้าหากติดไว้ที่ตัวรถยนต์,กระจกด้านหน้าหรือไฟหน้าจะช่วยป้องกันตัวรถจากรอยขีดข่วนหรือสิ่งสกปรกที่มีสาเหตุมาจากหินที่จะกระเด็นมากระทบ,การเสียดสีได้
นอกจากนั้น ยังมีฟังก์ชั่นตัดแสงยูวีและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสะดวกต่อการทำความสะอาดจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก และ PPF ยังช่วยป้องกันกระจกด้านหน้า สามารถป้องกันความเสียหายของกระจกเนื่องจากหินที่กระเด็นมากระทบได้เป็นอย่างดี
PPF คือแผ่นฟิล์มที่ช่วยปกป้องให้เกิด “ความปลอดภัย” และยัง “สวยงาม” อีกด้วย ถือว่ายิงนกนัดเดียวได้นกสองตัว
เรื่องน่าข้องใจเกี่ยวกับ PPF
ฟิล์ม PPF เป็นที่น่าสนใจแต่การนำไปใช้งานจริงนั้นยังมีเรื่องควรรู้เพิ่มเติมอีก
เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ราคาถูก ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเลือกอย่างดีที่สุด
เราจึงอยากขอตอบคำถามที่พบบ่อยๆ
1.การดูแลรักษาฟิล์ม PPF
การเคลือบตัวรถด้วย PPF สามารถช่วยลดงานทำความสะอาดรถไปได้มาก แต่ถ้าหากไม่ดูแลรักษาอาจทำให้เกิดผลเสียต่อ “ความสวยงาม” และ “ฟังก์ชั่นการใช้งาน”
ด้านความสวยงาม คือ PPF ซับน้ำได้ดี ถ้าหากจอดรถยนต์ไว้ด้านนอกตัวอาคาร หรือถูกฝนบ่อยอาจเกิดคราบรอยสกปรกหรือทำให้ฟิล์มไม่สม่ำเสมอได้
และด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน คือ สิ่งสกปรกหรือคราบน้ำที่ติดอยู่กับ PPF จะทำให้ฟังก์ชั่นฟื้นฟูตัวเอง (self healing) ของแผ่นฟิล์มไม่ทำงาน ส่งให้ทำให้ทิ้งรอยขีดข่วนไว้หรือกันน้ำได้ไม่ดี ขอแนะนำให้ล้างรถเดือนละหนึ่งครั้งเพื่อคงประสิทธิภาพการใช้งานของฟังก์ชั่นเหล่านั้น
ข้อควรระวัง 3 อย่างดังนี้
- ใช้แชมพูที่ไม่มีความแรงมากเกินไป
- หากเกิดคราบน้ำให้ใช้น้ำยาขจัดคราบ
- สามารถใช้บริการเครื่องล้างรถหรือเครื่องล้างรถด้วยความแรงดันสูงได้ แต่อาจทำให้แผ่นฟิล์มลอกได้ การใช้น้ำล้างสามารถ
กำจัดสิ่งสกปรกได้เช่นกันแต่ขอแนะนำให้ใช้แชมพูล้างอย่างทะนุถนอมเป็นประจำ ความเป็นกรด-ด่างมีผลเสียต่อ PPF จึงขอให้เลือกใช้แชมพูที่มีค่ากลาง
ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาขัดกระจกหรือแว็กซ์ ดังนั้นมีผู้ใช้งานหลายท่านพูดกันว่าการดูแลรักษาสะดวกสบายขึ้น
2.PPF กับ Car Wrap แตกต่างกันยังไง
ความแตกต่างระหว่าง PPF กับ Car Wrap อยู่ที่ “จุดประสงค์”
ฟิล์ม PPF ใช้งานเพื่อปกป้องตัวรถจากรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรก ส่วน Car Wrap เป็นการเปลี่ยนสีรถและทำให้พื้นผิวมีความแวววาวเพิ่มความ “สวยงาม” และส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการ “โฆษณา” สินค้าหรือธุรกิจ
PPF
- วัสดุ:โพลีเอสเตอร์
- ความหนา:ประมาณ150μ~200μ (ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต)
- จุดประสงค์:ปกป้องตัวรถ
- อายุการใช้งาน:2-5ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
- ฟังก์ชั่นตัดแสงยูวี:มี
- ฟังก์ชั่นป้องกันรอยจากหินกระทบ:มี
Car Wrap
- วัสดุ:ไวนิลคลอไรด์
- ความหนา:ประมาณ150μ (ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต)
- จุดประสงค์:เปลี่ยนสีรถของตัวรถ หรือตกแต่งในบางส่วน
- อายุการใช้งาน:ประมาณ 3 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
- ฟังก์ชั่นตัดแสงยูวี:ไม่มี
- ฟังก์ชั่นป้องกันรอยจากหินกระทบ:ไม่มี
“การเคลือบ” ทั่วตัวรถนั้นเหมือนกัน แต่เราอยากให้ทราบว่าฟังก์ชั่นการทำงานหรือประสิทธิภาพพื้นฐานนั้นแตกต่างกัน ถึงแม้เฉดสีจะยังมีน้อยกว่าฟิล์ม Car Wrap แต่ในอีกไม่กี่ปีนี้ PPF จะมีหลายเฉดสีมากขึ้น และคาดหวังกับการเพิ่มคุณภาพในการเปลี่ยนสีรถยนต์ได้
ถ้าหากกำลังพิจารณาฟิล์ม PPF และ Car Wrap จึงควรคำนึงถึงเรื่อง “การปกป้อง” หรือ “ความสวยงาม” อย่างไหนที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
3.ลอก PPF ออกแล้วจะเกิดรอยไหม?
มีความกังวลที่ว่าตอนลอก PPF ออก “จะทำให้สีของตัวรถลอกออกไปด้วยไหม” ส่วนใหญ่แล้วไม่มีปัญหานั้นเกิดขึ้นเลย ตัวอย่างเช่น มีการลอก PPF จากตัวรถที่ได้ทำการเคลือบ PPF เมื่อ 8 ปีก่อน สามารถพบรอยขีดข่วนและคราบเหลืองบนแผ่นเคลือบ แต่สามารถลอกออกได้โดยที่ไม่มีสีลอกติดออกมาและไม่มีคราบกาวของ PPF ทิ้งไว้ด้วย ดังนั้นจึงคิดว่าไม่มีความกังวลเรื่องนั้น
การเปลี่ยน PPF ทุกๆ 3-5 ปีจะช่วยให้ฟังก์ชั่นการทำงานและทำให้ตัวรถมีความสวยงามอยู่เสมอ ท่านไหนที่มีความกังวลเราจึงแนะนำให้ทำการเปลี่ยนฟิล์มอย่างสม่ำเสมอ
แต่กรณีที่มีรอยขีดข่วนบนตัวรถนอกเหนือจากตัวอย่างแล้ว อาจมีการลอกของสีรถตอนเปลี่ยนแผ่นฟิล์มได้เช่นกัน แนะนำให้ปรึกษากับช่างฝีมือก่อนเป็นการดีที่สุด
เป็นยังไงบ้าง? ช่วยไขข้อข้องใจบ้างไหม
ถ้าหากกำลังพิจารณาจะติดตั้งหรือสั่งซื้อ สามารถปรึกษาทาง HMP ได้ตลอด
บริษัทของเราดำเนินการเกี่ยวกับ PPF และทำการผลิตที่โรงงานของเราเองในประเทศญี่ปุ่น เรามั่นใจในคุณภาพอย่างมาก รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่มีความคงทนเป็นพิเศษ และเรามีการผลิตตามความต้องการของลูกค้าด้วยโปรดลองพิจารณาและสั่งซื้อสักครั้ง ในตอนนี้ที่ PPF กำลังเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาดดูไหมคะ